ประวัติแมนซิตี้ “เรือใบสีฟ้า” ที่ยังคงฟอร์มโหดอย่างต่อเนื่อง

ประวัติแมนซิตี้

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City Football Club) เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลชั้นนำของอังกฤษและยุโรปในปัจจุบัน แต่การเดินทางมาสู่ความสำเร็จในวันนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงมากมาย สโมสรแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายและได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นทีมที่มีชื่อเสียงระดับโลก ประวัติศาสตร์ของสโมสรนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจและการปรับเปลี่ยนที่สำคัญซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่มีอิทธิพลในวงการฟุตบอลในปัจจุบัน

การก่อตั้งและประวัติแมนซิตี้ (1880-1930)

สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1880 โดยเริ่มต้นในฐานะทีมเล็กๆ ที่ชื่อว่า เซนต์ มาร์คส์ (West Gorton Saint Mark’s) โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาและหลีกเลี่ยงความรุนแรงทางสังคม ทีมนี้ได้รับการสนับสนุนจากคริสตจักรในย่านเวสต์กอร์ตัน (West Gorton) ต่อมาในปี ค.ศ. 1887 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น อาร์ดวิก (Ardwick Association Football Club) ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี ค.ศ. 1894 เพื่อสะท้อนถึงการเป็นตัวแทนของเมืองแมนเชสเตอร์ทั้งเมือง

ในช่วงต้นของประวัติแมนซิตี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ต้องแข่งขันในลีกระดับล่างของฟุตบอลอังกฤษ แต่พวกเขาเริ่มก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่เมื่อสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1904 โดยเอาชนะโบลตัน วันเดอเรอร์สในรอบชิงชนะเลิศ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญครั้งแรกของสโมสรและเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมนี้มีฐานแฟนบอลที่เข้มแข็งขึ้น

ยุคหลังสงครามโลกและการเติบโตของสโมสร (1940-1990)

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยในช่วงทศวรรษ 1950 ทีมสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้อีกครั้งในปี 1956 ซึ่งในปีนั้นผู้รักษาประตูของพวกเขา เบิร์ต เทราต์แมนน์ (Bert Trautmann) ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศทั้งๆ ที่เขาบาดเจ็บหนัก โดยกระดูกต้นคอของเขาหัก แต่เขายังสามารถพาทีมเอาชนะเบอร์มิงแฮม ซิตี้ได้ ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ถูกกล่าวขานในประวัติศาสตร์ของสโมสรและฟุตบอลอังกฤษ

ประวัติแมนซิตี้ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบความสำเร็จอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ โจ เมอร์เซอร์ (Joe Mercer) และ มัลคอล์ม อัลลิสัน (Malcolm Allison) พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ในปี 1968 พร้อมกับแชมป์เอฟเอคัพในปี 1969 และยังคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ (Cup Winners’ Cup) ในปี 1970 ทีมในยุคนั้นมีผู้เล่นที่มีชื่อเสียง เช่น ฟรานซิส ลี (Francis Lee), โคลิน เบลล์ (Colin Bell) และ ไมค์ ซัมเมอร์บี (Mike Summerbee)

อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงทศวรรษ 1970 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ประสบปัญหาทางการเงินและการจัดการทีม ทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมลดลงและต้องตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่นต่ำอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเข้าสู่ยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21

ยุคสมัยใหม่ การซื้อกิจการของกลุ่มอาบูดาบี และความสำเร็จ (2008-ปัจจุบัน)

จุดเปลี่ยนที่สำคัญของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้เกิดขึ้นในปี 2008 เมื่อกลุ่มทุน อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (Abu Dhabi United Group) นำโดย ชีค มันซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน (Sheikh Mansour bin Zayed Al Nahyan) ได้เข้ามาซื้อกิจการของสโมสร การลงทุนมหาศาลจากกลุ่มทุนนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการซื้อนักเตะชั้นนำจากทั่วโลก และการจ้างผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์ระดับสูง

ผู้จัดการทีมคนแรกที่นำความสำเร็จมาสู่สโมสรในยุคนี้คือ โรแบร์โต้ มันชินี่ (Roberto Mancini) เขานำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2012 ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 44 ปี โดยชัยชนะในนัดสุดท้ายของฤดูกาลนั้นเป็นที่จดจำอย่างมากเมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ (Sergio Agüero) ทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พาทีมเอาชนะควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส คว้าแชมป์ลีกด้วยคะแนนที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียง 1 คะแนน

หลังจากนั้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยการเข้ามาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ในปี 2016 ยิ่งทำให้ทีมพัฒนาและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้หลายครั้ง รวมถึงการคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2017-2018 โดยทำคะแนนได้ถึง 100 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ ซิตี้ยังสามารถคว้าแชมป์ลีกคัพและเอฟเอคัพอย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ซิตี้คือการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี 2023 โดยเอาชนะอินเตอร์ มิลานในรอบชิงชนะเลิศ นี่เป็นครั้งแรกที่สโมสรคว้าแชมป์รายการนี้ได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สโมสรและแฟนบอลรอคอยมานาน

นักเตะสำคัญและความสำเร็จล่าสุด

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในยุคปัจจุบันมีนักเตะที่มีความสามารถระดับโลกหลายคน เช่น เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne), เออร์ลิง ฮาแลนด์ (Erling Haaland), ริยาด มาห์เรซ (Riyad Mahrez) และ รูเบน ดิอาส (Rúben Dias) พวกเขาทั้งหมดมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์และสร้างความสำเร็จให้กับสโมสรอย่างต่อเนื่อง

บทสรุป

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีการเดินทางที่ยาวนานจากการเป็นทีมเล็กๆ จนกลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก การลงทุนจากกลุ่มอาบูดาบีและการจัดการทีมที่ยอดเยี่ยมทำให้ทีมสามารถคว้าแชมป์ได้หลายรายการและกลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีอิทธิพลในวงการฟุตบอลปัจจุบัน ความสำเร็จของซิตี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการซื้อนักเตะที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทีมในทุกด้านเพื่อให้สามารถแข่งขันในระดับสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง